top of page

พื้นฐานของปั๊มน้ำอุตสาหกรรม ทุกสิ่งที่คุณต้องรู้!


พื้นฐานของปั๊มน้ำอุตสาหกรรม ทุกสิ่งที่คุณต้องรู้

ในภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการผลิต การบำบัดน้ำเสีย หรือระบบระบายความร้อน ปั๊มน้ำอุตสาหกรรม ถือเป็นหัวใจสำคัญที่ช่วยให้กระบวนการเหล่านี้ดำเนินไปอย่างราบรื่น 

สำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นหรือแม้แต่ผู้ที่มีประสบการณ์ การเข้าใจพื้นฐานของปั๊มน้ำอย่างถูกต้องคือกุญแจสำคัญในการเลือกใช้งาน ดูแลรักษา และเพิ่มประสิทธิภาพของระบบในภาพรวม

บทความนี้จะพาไปรู้จักทุกแง่มุมของปั๊มน้ำอุตสาหกรรม ตั้งแต่ประเภทต่าง ๆ  ส่วนประกอบ ไปจนถึงการเลือกและบำรุงรักษา ที่จะช่วยให้คุณสามารถใช้งานปั๊มน้ำได้อย่างเต็มศักยภาพ พร้อมหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต



🔵ปั๊มน้ำอุตสาหกรรม (INDUSTRIAL PUMP) 🔵


ปั๊มน้ำอุตสาหกรรม เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการเคลื่อนย้ายของเหลวหรือน้ำ ผ่านท่อหรือระบบท่อในโรงงานอุตสาหกรรม เช่น โรงงานผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ โรงงานเครื่องจักรกล โรงงานเหล็กและโลหะ โรงงานพลังงาน ฯลฯ เป็นต้น 

โดยปั๊มน้ำอุตสาหกรรมมีบทบาทสำคัญในการควบคุมการไหลของน้ำและของเหลวเพื่อสนับสนุนกระบวนการผลิตหรือการทำงานของระบบต่างๆ ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพสูงสุด ปั๊มน้ำอุตสาหกรรมจัดอยู่ในหมวดสินค้าประเภท เครื่องจักรและอุปกรณ์การผลิต มีอยู่หลากหลายประเภทและแต่ละประเภทก็มีลักษณะการใช้งานที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมและลักษณะการทำงานที่แตกต่างกัน


__________________________________________________



🔵ประเภทของปั๊มอุตสาหกรรม🔵


ปั๊มน้ำอุตสาหกรรมในปัจจุบันมีอยู่หลากหลายประเภท ปั๊มแต่ละประเภทถูกออกแบบมาให้ตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลาย ตั้งแต่การเพิ่มแรงดัน การควบคุมการไหล ไปจนถึงการจัดการของเหลวที่มีความหนืดหรือสารเคมีที่มีความซับซ้อน 


1. ปั๊มแบบแรงเหวี่ยง (Centrifugal Pump)

ปั๊มแบบแรงเหวี่ยงจะใช้แรงเหวี่ยงจากการหมุนของใบพัดเพื่อเพิ่มความเร็วและแรงดันให้กับของเหลวที่ถูกดูดเข้าไปในปั๊ม เหมาะสำหรับน้ำหรือของเหลวที่มีความหนืดต่ำในระบบที่ต้องการอัตราการไหลสูง โครงสร้างเรียบง่ายและดูแลรักษาง่าย


2. ปั๊มแบบลูกสูบ (Positive Displacement Pump)

ปั๊มแบบลูกสูบจะดึงและปล่อยของเหลวในปริมาณคงที่ต่อรอบ โดยไม่คำนึงถึงแรงดันที่เกิดขึ้น เหมาะสำหรับการใช้งานที่ต้องการแรงดันสูงหรือการจ่ายของเหลวที่มีความหนืดสูง โดยปั๊มประเภทนี้นี้สามารถจัดการกับสารเคมีหรือของเหลวที่มีความหนืดได้ดี เช่น น้ำมันหรือปิโตรเลียม


3. ปั๊มสกรู (Screw Pump)

ปั๊มสกรูใช้การหมุนของสกรูเพื่อดันของเหลวผ่านระบบ เหมาะสำหรับของเหลวที่มีความหนืดสูงและการไหลที่เสถียร เช่น น้ำมันหรือสารเคมี ปั๊มสามารถทำงานได้ดีในสภาพที่ต้องการการควบคุมการไหลที่คงที่


4. ปั๊มไดอะแฟรม (Diaphragm Pump)

ปั๊มไดอะแฟรมจะใช้ใช้การเคลื่อนไหวของแผ่นไดอะแฟรม (แผ่นยางหรือพลาสติก) เพื่อดึงของเหลวและปล่อยออกมา เหมาะสำหรับการขนส่งของเหลวที่มีการกัดกร่อนหรือมีอนุภาคแข็ง ใช้งานได้ในสภาพแวดล้อมที่อันตรายหรือของเหลวที่เป็นอันตราย


5. ปั๊มแบบโรตารี่ (Rotary Pump)

ปั๊มแบบโรตารี่จะใช้การหมุนของโรเตอร์เพื่อดึงของเหลวเข้ามาและปล่อยออกไป เหมาะสำหรับการขนส่งของเหลวที่มีความหนืดสูง เช่น น้ำมัน, น้ำมันหล่อลื่น เป็นต้น ให้การไหลที่สม่ำเสมอและแรงดันคงที่


6. ปั๊มรีดท่อ (Peristaltic Pump)

ปั๊มรีดท่อ จะใช้การบีบของท่อลูกยางที่หมุนรอบโรเตอร์เพื่อดึงของเหลวเข้าและปล่อยออก ป้องกันการปนเปื้อน เหมาะสำหรับการขนส่งของเหลวที่มีอนุภาคแข็ง, สารเคมีที่มีความหนืดสูง หรือสารที่ต้องการการควบคุมที่แม่นยำ สามารถป้องกันการปนเปื้อนเนื่องจากของเหลวไม่สัมผัสกับชิ้นส่วนที่เคลื่อนไหว


7. ปั๊มเฟือง (Gear Pump)

ปั๊มเฟืองจะใช้เกียร์ในการดึงของเหลวและส่งไปยังท่ออย่างต่อเนื่อง เหมาะสำหรับการขนส่งของเหลวที่มีความหนืดสูง เช่น น้ำมัน, น้ำมันหล่อลื่น เป็นต้น ให้การไหลที่สม่ำเสมอและแรงดันที่คงที่ สามารถทำงานได้ในสภาพที่มีความหนืดสูง


8. ปั๊มสุญญากาศ (Vacuum Pump)

ปั๊มสุญญากาศจะดูดอากาศหรือของเหลวออกจากระบบเพื่อลดแรงดัน เหมาะสำหรับกระบวนการต่าง ๆ เช่น การเก็บรักษา, การขนส่งของเหลวในสภาวะสุญญากาศ, หรือการดูดสารเคมี เป็นต้น สามารถสร้างแรงดันต่ำได้ดี  


9. ปั๊มแบบปีกผีเสื้อ (Vane Pump)

ปั๊มแบบปีกผีเสื้อจะใช้ปีกหมุนในตัวเรือนเพื่อดันของเหลว เหมาะสำหรับของเหลวความหนืดต่ำถึงปานกลาง เช่น น้ำมันหล่อลื่น 


__________________________________________________



🔵ส่วนประกอบของปั๊มน้ำอุตสาหกรรม🔵


ส่วนประกอบของปั๊มน้ำอุตสาหกรรมเบื้องต้น มีหลายชิ้นส่วนที่ทำงานร่วมกันเพื่อให้ปั๊มสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย โดยทั่วไปแล้วจะประกอบด้วย


1. ตัวเรือนปั๊ม (Pump Casing)

เป็นส่วนที่ห่อหุ้มปั๊มและรองรับส่วนประกอบต่างๆ ภายใน เพื่อป้องกันการรั่วไหลของของเหลวและช่วยในการควบคุมการไหล


2. ใบพัด (Impeller)

เป็นส่วนที่หมุนในปั๊มเพื่อเพิ่มความเร็วและแรงดันให้กับของเหลว โดยใบพัดจะเปลี่ยนพลังงานเชิงกลจากการหมุนเป็นพลังงานของเหลว


3. เพลาปั๊ม (Shaft)

เป็นส่วนที่ถ่ายทอดพลังงานจากมอเตอร์หรือเครื่องขับไปยังใบพัดเพื่อให้ใบพัดหมุนและขับเคลื่อนของเหลว


4. ซีล (Seal)

ใช้เพื่อป้องกันการรั่วไหลของของเหลวจากตัวเรือนปั๊ม โดยจะมีหลายประเภทเช่น ซีลที่ใช้ในปั๊มแบบแรงเหวี่ยงและปั๊มแบบลูกสูบ


5. ลูกปืน (Bearing)

ช่วยในการรองรับเพลาปั๊มให้หมุนได้อย่างราบรื่น โดยไม่เกิดการเสียดสีหรือการเสียหาย


6. ข้อต่อและท่อ (Suction and Discharge Connections)

ใช้ในการเชื่อมต่อปั๊มกับระบบท่อ เพื่อดูดของเหลวเข้าและปล่อยของเหลวออกจากปั๊ม


7. มอเตอร์ (Motor)

เป็นแหล่งพลังงานที่ทำให้เพลาปั๊มหมุน ทำงานร่วมกับปั๊มเพื่อขับเคลื่อนของเหลว


8. ครีบระบายความร้อน (Cooling Fins)

ใช้สำหรับระบายความร้อนจากส่วนที่มีการทำงานหนัก เช่น มอเตอร์ หรือเพลาปั๊ม เพื่อรักษาความร้อนในระดับที่เหมาะสม


9. วาล์ว (Valve)

ใช้สำหรับควบคุมการไหลของของเหลว เช่น การปิด-เปิดเพื่อควบคุมการไหลเข้า-ออกจากปั๊ม


__________________________________________________


🔵การเลือกปั๊มน้ำอุตสาหกรรม🔵


การเลือกปั๊มน้ำให้เหมาะสมกับการใช้งานมีหลายปัจจัยที่ต้องพิจารณา เช่น อัตราการไหล, แรงดัน, ประเภทของของเหลว, ความหนืด, วัสดุที่ใช้, และสภาพแวดล้อมในการใช้งาน เป็นต้น การคำนึงถึงปัจจัยเหล่านี้จะช่วยให้การเลือกปั๊มมีประสิทธิภาพเหมาะสมกับการใช้งานและประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว


1. อัตราการไหล (Flow Rate)

อัตราการไหล หมายถึง ปริมาณของเหลวที่ปั๊มสามารถขนส่งได้ในช่วงเวลา 1 นาทีหรือ 1 ชั่วโมง

เลือกโดยคำนวณอัตราการไหลที่จำเป็นตามการใช้งาน เช่น หากเป็นการขนส่งน้ำหรือลำเลียงของเหลวในระบบที่ต้องการการไหลสูง จะต้องเลือกปั๊มที่สามารถจัดการกับปริมาณการไหลได้สูง


2. แรงดัน (Pressure)

แรงดัน หมายถึง ความต้านทานที่เกิดขึ้นในระบบที่ปั๊มต้องทำงานเพื่อเคลื่อนย้ายของเหลว เลือกปั๊มที่สามารถรองรับแรงดันสูงตามที่ระบบต้องการ โดยพิจารณาความสามารถในการสร้างแรงดันของปั๊มในขณะทำงาน


3. ประเภทของของเหลว (Liquid Type)

ประเภทของของเหลวที่ต้องการขนส่งมีความสำคัญในการเลือกวัสดุของปั๊มและชิ้นส่วนต่างๆ หากของเหลวมีความหนืดสูงหรือมีสารเคมีที่กัดกร่อน เช่น น้ำมัน, กรด, หรือสารเคมีอื่นๆ ควรเลือกปั๊มที่ทำจากวัสดุที่ทนทานต่อการกัดกร่อน เช่น สแตนเลสหรือวัสดุพิเศษที่เหมาะสมกับสารเคมีนั้นๆ


4. ความหนืดของของเหลว (Viscosity)

ความหนืดของของเหลว หมายถึง ความต้านทานต่อการไหล หากของเหลวมีความหนืดสูง (เช่น น้ำมัน หรือสารเคมีที่หนืด) จะต้องเลือกปั๊มที่มีความสามารถในการจัดการกับของเหลวหนืด เช่น ปั๊มลูกสูบ (Positive Displacement Pump) หรือปั๊มโรตารี่ (Rotary Pump)


5. การเลือกประเภทของปั๊ม

การเลือกประเภทของปั๊มอุตสาหกรรมขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งาน ความหนืดของของเหลว แรงดันที่ต้องการ และลักษณะเฉพาะของสภาพแวดล้อมที่ต้องการใช้งาน เช่น

  • ปั๊มแรงเหวี่ยง (Centrifugal Pump) เหมาะสำหรับการขนส่งของเหลวที่มีความหนืดต่ำ เช่น น้ำ, น้ำมัน หรือสารเคมีที่ไม่กัดกร่อน

  • ปั๊มลูกสูบ (Positive Displacement Pump) เหมาะสำหรับการขนส่งของเหลวที่มีความหนืดสูง หรือของเหลวที่ต้องการการควบคุมการไหลที่แม่นยำ

  • ปั๊มสกรู (Screw Pump) เหมาะสำหรับของเหลวที่มีความหนืดสูงหรือของเหลวที่มีอนุภาคแข็ง

  • ปั๊มไดอะแฟรม (Diaphragm Pump) เหมาะสำหรับสารเคมีที่กัดกร่อนหรือของเหลวที่มีอนุภาคแข็ง


6. ความทนทานและวัสดุของปั๊ม

วัสดุที่ใช้ในการสร้างปั๊มมีผลต่อความทนทานในการใช้งาน เลือกวัสดุที่เหมาะสมกับชนิดของของเหลวที่ใช้ เช่น วัสดุที่ทนการกัดกร่อน เช่น สแตนเลส, ทองแดง, หรือวัสดุที่มีคุณสมบัติพิเศษสำหรับงานที่มีสารเคมีรุนแรง เป็นต้น


7. สภาพแวดล้อมในการใช้งาน (Environmental Conditions)

สภาพแวดล้อมที่ปั๊มจะทำงานมีผลต่อการเลือกปั๊ม เช่น สภาพอุณหภูมิ, ความชื้น หรือสภาพการใช้งานในพื้นที่ที่มีการกัดกร่อน เป็นต้น

หากปั๊มจะใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีความร้อนสูงหรือมีการกัดกร่อน ควรเลือกวัสดุที่ทนทานและระบบที่สามารถทำงานได้ในสภาพแวดล้อมเหล่านั้น


8. ค่าใช้จ่ายและการบำรุงรักษา (Cost and Maintenance)

การเลือกปั๊มที่มีค่าใช้จ่ายสูงหรือมีการบำรุงรักษาที่ซับซ้อนอาจเพิ่มค่าใช้จ่ายในระยะยาว พิจารณาค่าใช้จ่ายในการติดตั้งและบำรุงรักษา เพื่อให้เลือกปั๊มที่คุ้มค่ากับการลงทุนและมีการบำรุงรักษาง่าย


9. การรับประกันและบริการหลังการขาย (Warranty and After-Sales Service)

การรับประกันและบริการหลังการขายมีความสำคัญในการดูแลและซ่อมแซมปั๊มในระยะยาว เลือกผู้ผลิตหรือผู้จัดจำหน่ายที่มีบริการหลังการขายที่ดีและมีการรับประกันที่เหมาะสม


__________________________________________________


🔵การบำรุงรักษาปั๊มอุตสาหกรรม🔵


การบำรุงรักษาปั๊มอุตสาหกรรมเป็นขั้นตอนสำคัญในการยืดอายุการใช้งานและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของปั๊ม การดูแลรักษาที่เหมาะสมสามารถป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างการใช้งานและช่วยลดการหยุดชะงักของระบบงานต่าง ๆ ในการบำรุงรักษาปั๊มจะต้องพิจารณาหลายปัจจัยเพื่อให้ปั๊มทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย


ขั้นตอนการบำรุงรักษาปั๊มน้ำอุตสาหกรรม

1. ตรวจสอบสภาพทั่วไปของปั๊ม 

ตรวจสอบสภาพทั่วไปของปั๊ม เช่น ตรวจสอบรอยรั่วหรือการรั่วซึม หรือการสึกหรอของส่วนประกอบต่างๆ

- ตรวจสอบตัวเรือนปั๊มและซีล (Seal) ว่ามีการรั่วซึมหรือไม่

- ตรวจสอบการหล่อลื่นของเพลาและแบริ่ง

- ตรวจสอบอุปกรณ์เชื่อมต่อกับท่อและความเสถียรของการติดตั้ง


2. ตรวจสอบและเปลี่ยนซีล (Seals) 

ซีลปั๊มเป็นส่วนที่ป้องกันการรั่วซึมของของเหลวที่เกิดจากการหมุนของเพลา

- ตรวจสอบซีลอย่างสม่ำเสมอเพื่อดูว่ามีการสึกหรอหรือไม่

- เปลี่ยนซีลที่มีการเสื่อมสภาพหรือมีการรั่วซึม

- การเลือกซีลที่มีคุณภาพและทนทานช่วยลดความเสี่ยงจากการรั่วซึม


3. ตรวจสอบใบพัด (Impeller) 

ใบพัดเป็นส่วนที่หมุนเพื่อเพิ่มความเร็วให้กับของเหลว

- ตรวจสอบใบพัดเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีความเสียหายหรือการแตกหัก

- ตรวจสอบการติดตั้งของใบพัดว่ามีความมั่นคงและไม่หลวม

- หากพบความเสียหายให้เปลี่ยนใบพัดทันที


4. ตรวจสอบและบำรุงรักษามอเตอร์ (Motor) 

มอเตอร์เป็นตัวขับเคลื่อนให้ปั๊มทำงาน

- ตรวจสอบสภาพของมอเตอร์ เช่น การเกิดความร้อนเกินไป, เสียงผิดปกติ หรือการหมุนไม่สมดุล

- ทำความสะอาดมอเตอร์และตรวจสอบการหล่อลื่นให้เหมาะสม

- ตรวจสอบการต่อสายไฟและระบบควบคุมไฟฟ้า


5. ตรวจสอบการหล่อลื่นของแบริ่ง (Bearings) 

แบริ่งทำหน้าที่รองรับเพลาปั๊มเพื่อให้เพลาหมุนได้อย่างราบรื่น

- ตรวจสอบการหล่อลื่นของแบริ่งและเติมน้ำมันหรือหล่อลื่นตามคำแนะนำของผู้ผลิต

- หากแบริ่งมีการสึกหรอหรือเสียหาย ควรเปลี่ยนแบริ่งทันที

- ตรวจสอบแบริ่งเพื่อหาสัญญาณการเกิดความร้อนหรือการสั่นสะเทือนผิดปกติ


6. การตรวจสอบท่อดูดและท่อส่ง (Suction and Discharge Pipes) 

ท่อดูดและท่อส่งช่วยขนส่งของเหลวเข้าปั๊มและออกจากปั๊ม

- ตรวจสอบการรั่วซึมของท่อ

- ตรวจสอบการอุดตันหรือการสะสมของสิ่งสกปรกในท่อ

- ตรวจสอบการติดตั้งของท่อและการเชื่อมต่อกับระบบที่ปั๊มเชื่อมต่ออยู่


7. การตรวจสอบและทำความสะอาดใบพัดและช่องทางไหล (Impeller and Flow Path Cleaning)

สารหรือสิ่งแปลกปลอมที่อาจติดอยู่ในช่องทางไหลอาจทำให้การทำงานของปั๊มไม่ราบรื่น

- ทำความสะอาดใบพัดและช่องทางไหลของปั๊มเพื่อให้การไหลของของเหลวเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

- ตรวจสอบว่าไม่มีสิ่งแปลกปลอม เช่น เศษวัสดุหรือฝุ่นละออง ติดขัดในช่องทางไหล


8. การตรวจสอบความสมดุล (Balance Check)

การตรวจสอบความสมดุลของใบพัดและเพลาปั๊มเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันการสั่นสะเทือนที่อาจทำให้เกิดความเสียหาย

- ตรวจสอบความสมดุลของใบพัดและเพลาปั๊ม

- หากพบการสั่นสะเทือนผิดปกติให้ทำการปรับสมดุลหรือเปลี่ยนส่วนประกอบที่เสียหาย


9. การตรวจสอบการตั้งค่าระบบควบคุม (Control Settings)

ระบบควบคุมและเซ็นเซอร์ที่ติดตั้งในปั๊มช่วยในการทำงานอัตโนมัติและตรวจจับปัญหาต่างๆ

- ตรวจสอบการตั้งค่าของระบบควบคุม เช่น เซ็นเซอร์การไหล, เซ็นเซอร์แรงดัน หรือเซ็นเซอร์อุณหภูมิ

- ทดสอบการทำงานของเซ็นเซอร์และอุปกรณ์ควบคุมเพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีข้อผิดพลาด


คำแนะนำเพิ่มเติมในการบำรุงรักษาปั๊ม

  • ควรมีการบำรุงรักษาตามกำหนดเวลาและคำแนะนำของผู้ผลิต

  • บันทึกข้อมูลการบำรุงรักษาเพื่อสามารถติดตามประวัติและระบุปัญหาที่อาจเกิดขึ้น

  • ใช้ส่วนประกอบที่มีคุณภาพและเหมาะสมกับการทำงานของปั๊ม

  • หากปั๊มมีปัญหาซับซ้อน ควรเรียกช่างผู้ชำนาญการมาตรวจสอบและซ่อมแซม

  • "การตรวจสอบและการบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอจะช่วยลดความเสี่ยงจากการหยุดชะงักของระบบและลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซม"



🔵สรุป🔵


การทำความเข้าใจพื้นฐานของปั๊มน้ำอุตสาหกรรมเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเลือกใช้ปั๊มได้อย่างถูกต้องและคุ้มค่า ทั้งในแง่ของการเลือกประเภทปั๊มที่เหมาะสมกับลักษณะของงาน เช่น การพิจารณาความหนืดของของเหลว, ความสามารถในการทนต่อการกัดกร่อน, หรือความต้องการแรงดันที่แตกต่างกัน 


การเลือกปั๊มที่ถูกต้องจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบได้สูงสุดและลดการเกิดปัญหาต่าง ๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อกระบวนการผลิต อีกทั้งการบำรุงรักษาปั๊มอย่างสม่ำเสมอ เช่น การตรวจสอบและซ่อมแซมชิ้นส่วนที่เสื่อมสภาพ จะช่วยยืดอายุการใช้งานของปั๊ม ลดความเสี่ยงในการเกิดความเสียหาย และช่วยลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงในระยะยาว โดยทั้งหมดนี้ช่วยให้การทำงานของระบบมีความเสถียรและต้นทุนการดำเนินงานที่ต่ำลง


Min Sen Machinery  พร้อมให้คำแนะนำการเลือกปั๊มน้ำที่เหมาะสม ด้วยประสบการณ์ 68 ปี บริการติดตั้ง ซ่อมบำรุง และประกอบ โดยทีมงานผู้ชำนาญการ มั่นใจได้ในคุณภาพและมาตรฐานระดับมืออาชีพ ติดต่อเราเพื่อรับบริการ


เครื่องจักรกลการเกษตร
Agri_xl.jpg
ปั๊มน้ำและอุปกรณ์ระบบน้ำ
Water_xl.jpg
เครื่องจักรอุตสาหกรรม
Machine_Tools_xl.jpg
อุตสาหกรรมระบบราง
Railway_xl.jpg
bottom of page