top of page

การจัดการน้ำในประเทศไทย : แนวทางสู่ความยั่งยืน


การจัดการน้ำในประเทศไทย : แนวทางสู่ความยั่งยืน

ประเทศไทยมีทรัพยากรน้ำที่หลากหลาย แต่การจัดการน้ำยังคงเป็นเรื่องท้าทาย การพัฒนาที่ยั่งยืนในด้านการจัดการน้ำ จะช่วยให้สามารถใช้ทรัพยากรน้ำได้อย่างสมดุลและยาวนานโดยไม่กระทบต่อสิ่งแวดล้อมและอนาคตของประเทศ


การจัดการน้ำที่ยั่งยืนคืออะไร?

การจัดการน้ำที่ยั่งยืนหมายถึงการบริหารจัดการและใช้น้ำในลักษณะที่ตอบสนองความต้องการในปัจจุบัน โดยไม่กระทบต่อความสามารถของคนรุ่นต่อไปในการตอบสนองความต้องการด้านน้ำในอนาคต การจัดการน้ำต้องคำนึงถึง ทั้งด้านปริมาณ คุณภาพ และการกระจายน้ำอย่างเป็นธรรม


แนวทางการจัดการน้ำที่ยั่งยืนในประเทศไทย

1. การจัดการน้ำตามหลักการประเมิน SDGs

SDGs คืออะไร – องค์การสหประชาชาติ ได้ จัดทำเป้าหมายเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals –SDGs) ทั้งหมด 17 ข้อ มุ่งหวังจะช่วยแก้ปัญหาที่โลกกำลังเผชิญอยู่ เช่น ความยากจน ความไม่เท่าเทียม สภาวะโลกร้อน และสันติสุข เพื่อเสริมแนวคิด “ ไม่เป็นการทิ้งใครไว้ข้างหลัง”

  • 6 Clean Water and Sanitation รับรองการมีน้ำใช้ การจัดการน้ำและสุขาภิบาลที่ยั่งยืนฃ

  • 11 Sustainable Cities and Communities ทำให้เมืองและการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์มีความปลอดภัยทั่วถึง พร้อมรับความเปลี่ยนแปลง และการพัฒนาอย่างยั่งยืน

  • 13 Climate Action ดำเนินมาตรการเร่งด่วนเพื่อรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและผลกระทบ

  • 15 Life on Land ปกป้อง ฟื้นฟู และส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากระบบนิเวศทางบกอย่างยั่งยืน

  • 17 Partnerships for the Goals สร้างพลังแห่งการเป็นหุ้นส่วน ความร่วมมือระดับสากลต่อการพัฒนาที่ยั่งยืน


2. การจัดการน้ำแบบองค์รวม (Integrated Water Resources Management - IWRM)

เป็นการจัดการน้ำที่คำนึงถึงทุกปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับลุ่มน้ำ ไม่ว่าจะเป็นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และเศรษฐกิจ โดยมีการวางแผนและประสานงานระหว่างทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน และชุมชนท้องถิ่น

การสร้างเครือข่ายลุ่มน้ำ: การจัดตั้งองค์กรหรือตัวแทนจากทุกภาคส่วนในพื้นที่ลุ่มน้ำเพื่อร่วมกันกำหนดแนวทางการบริหารจัดการน้ำและติดตามผลการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง


3. การอนุรักษ์และฟื้นฟูแหล่งน้ำธรรมชาติ

การฟื้นฟูพื้นที่ชุ่มน้ำ : พื้นที่ชุ่มน้ำเป็นแหล่งกักเก็บน้ำตามธรรมชาติที่สำคัญ การฟื้นฟูพื้นที่ชุ่มน้ำจะช่วยเพิ่มความสามารถในการกักเก็บน้ำและลดความเสี่ยงต่อการเกิดน้ำท่วมและน้ำแล้ง

การปลูกป่าและอนุรักษ์ป่าต้นน้ำ : ป่าต้นน้ำมีบทบาทสำคัญในการรักษาความสมดุลของระบบนิเวศและการกักเก็บน้ำ การส่งเสริมการปลูกป่าและการอนุรักษ์ป่าต้นน้ำจะช่วยเพิ่มปริมาณน้ำที่สามารถใช้ได้ในฤดูแล้งและลดปัญหาน้ำท่วมในฤดูฝน


4. การใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ

การใช้เทคโนโลยีในการบริหารจัดการน้ำ : การใช้ระบบตรวจวัดและควบคุมการใช้น้ำ เช่น การใช้เซ็นเซอร์ในการตรวจวัดระดับน้ำ การใช้ระบบชลประทานอัจฉริยะ จะช่วยให้การใช้น้ำมีประสิทธิภาพมากขึ้นและลดการสูญเสียน้ำ

การลดการใช้น้ำในภาคการเกษตร : การเปลี่ยนไปใช้วิธีการเกษตรที่ใช้น้ำน้อย เช่น การเกษตรแบบแห้ง (dry farming) หรือการปลูกพืชที่ใช้น้ำน้อย จะช่วยลดปริมาณน้ำที่ใช้ในภาคการเกษตร


5. การจัดการคุณภาพน้ำ

การบำบัดน้ำเสีย : การพัฒนาและส่งเสริมเทคโนโลยีการบำบัดน้ำเสียก่อนปล่อยสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ เช่น การใช้ระบบบำบัดน้ำเสียชุมชนหรืออุตสาหกรรม จะช่วยป้องกันการปนเปื้อนของแหล่งน้ำ

การควบคุมมลพิษจากอุตสาหกรรมและเกษตรกรรม : การบังคับใช้กฎหมายและมาตรฐานที่เข้มงวดเกี่ยวกับการปล่อยน้ำเสียจากโรงงานอุตสาหกรรมและการใช้สารเคมีในการเกษตร จะช่วยรักษาคุณภาพน้ำและป้องกันการปนเปื้อน


6. การมีส่วนร่วมของชุมชนและการให้ความรู้

การสร้างความตระหนักรู้ในชุมชน : การให้ความรู้และส่งเสริมความตระหนักถึงความสำคัญของการใช้น้ำอย่างยั่งยืนผ่านการศึกษาและกิจกรรมต่าง ๆ จะช่วยให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์และใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ

การส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชน : ชุมชนท้องถิ่นควรมีบทบาทในการตัดสินใจและบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ของตนเอง เช่น การร่วมมือกันสร้างระบบจัดการน้ำในหมู่บ้าน การตั้งกฎระเบียบในการใช้น้ำที่เหมาะสม


การจัดการบริหารน้ำในประเทศไทยที่ยั่งยืนต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน การพัฒนานโยบายและแนวทางการบริหารจัดการน้ำที่มีประสิทธิภาพและคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม จะช่วยให้ประเทศไทยสามารถรับมือกับความท้าทายด้านน้ำในอนาคตได้อย่างยั่งยืน การจัดการน้ำที่ดีไม่เพียงแต่ช่วยลดปัญหาการขาดแคลนน้ำและการเกิดน้ำท่วม แต่ยังช่วยส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืนในระยะยาว



เครื่องจักรกลการเกษตร
Agri_xl.jpg
ปั๊มน้ำและอุปกรณ์ระบบน้ำ
Water_xl.jpg
เครื่องจักรอุตสาหกรรม
Machine_Tools_xl.jpg
อุตสาหกรรมระบบราง
Railway_xl.jpg
bottom of page