“แกลบ เปลือกข้าว…" ใครก็มองว่าไร้ค่า หารู้ไม่ว่า… ใช้ผลิตไฟฟ้าได้

แกลบ หรือเปลือกนอกของเมล็ดข้าว ที่คอยปกป้องตัวเมล็ดข้าวเอาไว้ เหมือนเกราะป้องกันทุกสิ่งอย่าง ประกอบไปด้วยเซลลูโลส และเฮมิเซลลูโลส มีปริมาณซิลิกา (SiO) สูงถึง 90% เดี๋ยวๆ ๆ ไม่ได้อยากรู้ใช่มั้ยล๊า... เพราะไหนๆ ก็เปิดจั่วหัวมาว่า “แกลบ ใช้ผลิตไฟฟ้าได้” เราขอโทษ …

มา… มาคุยกันเรื่องการผลิตไฟฟ้าด้วยแกลบกันครับ… ก่อนอื่นก็ต้องท้าวความเพิ่มเติมว่า ประเทศไทยเรานั้น เป็นประเทศเกษตรกรรมที่มีวัสดุเหลือทิ้งจากการแปรรูปผลผลิตทางเยอะมากๆ

เอาแค่การปลูกข้าวในแต่ละปี ก็ปาไปกว่า 20 ล้านตัน ซึ่ง เจ้าแกลบ หรือเปลือกข้าวที่ว่านั้น ก็คิดเป็นปริมาณกว่า 4.6 ล้านตันเลยทีเดียว (จากข้าวปริมาณข้าว 20 ล้านตัน) และในจำนวนแกลบกว่า 4.6 ล้านตันนั้น สามารถป้อนให้กับโรงไฟฟ้าขนาดเล็กราวๆ 3 เมกกะวัตต์ได้เลยทีเดียว

ซึ่ง การเรียกชนิดเชื้อเพลิงเหล่านี้ (วัสดุเหลือทิ้งจากเกษตกรรม) จะถูกเรียกว่า “ชีวมวล” เจ้าแกลบน้อยๆ พวกนี้ก็คือหนึ่งในชีวมวลคุณภาพดีสำหรับการเป็นเชื้อเพลิงมาเสมอ

ส่วนราคาแกลบดิบที่สามารถขายให้กับโรงไฟฟ้า จะอยู่ที่ ตันละ 1800 บาท ฟังดูเป็นเรื่องที่ห่างไกลความเป็นจริงมากๆ (หากจะขายให้ได้ราคาสูงๆ ปริมาณเยอะๆ) แต่ก็อย่าลืมว่า หากเราสีข้าว 1 ตัน... จะได้แกลบออกมาถึง 200 - 300 กิโลกรัมเลยทีเดียว สีเยอะๆ ก็เอาเรื่องอยู่เหมือนกันน๊าา !!

ประโยชน์อื่นๆ จากแกลบ

การผลิตปุ๋ยหมักและการปรับปรุงดิน
การผลิตถ่านไบโอชาร์ (ถ่านชีวภาพ)
การทำเป็นเชื้อเพลิงและเชื้อเพลิงอัดแท่ง
วัสดุเสริมในการก่อสร้า
เป็นวัสดุรองพื้นในระบบการเลี้ยงหมูหลุมและไก่หลุม
อารหารเสริมให้กับสัตว์
การทำวัสดุปลูก
วัสดุเพาะเห็ด
วัสดุปลูกในระบบไฮโดรโพนิคส์และอควาโพนิคส์

รู้หรือไม่ หากเราสีข้าวด้วยตัวเอง (ไม่ต้องผ่านโรงสี) เราจะสามารถเก็บรำข้าว จมูกข้าว หรือแม้กระทั่งแกลบ ก็สามารถเก็บนำมาขายทำกำไรได้

จะเป็นยังไง ถ้าสีข้าว แล้วเราเหลือแกลบดิบไปขายต่อได้ | รู้หรือไม่ หากเราสีข้าวด้วยตัวเอง (ไม่ต้องผ่านโรงสี) เราจะสามารถเก็บรำข้าว จมูกข้าว หรือแม้กระทั่งแกลบ ก็สามารถเก็บนำมาขายทำกำไรได้ เครื่องสีข้าวสิงห์สยามทุกรุ่น สามารถคัดแยก และเก็บทุกส่วนของเมล็ดข้าวเอาไว้ได้ ไม่สูญเสีย ไม่ต้องทิ้งให้ใคร ทำกำไรได้ต่อ !